กล้องฟิล์มตัวแรกที่ผมหลงรักหัวปักหัวปำคือ Nikon FM2 ครับ ได้ลองจับลองใช้แล้วรู้สึกดีไปหมด ไปเที่ยวไหนพาไปด้วยตลอด และก็ชอบเลนส์ที่ใช้คู่กันมากด้วย คือเจ้า 50 f1.4 จับคู่กันแล้วถ่ายสนุกมาก และส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเปลี่ยนเลนส์อะไรมากมาย เลยไม่ได้ซื้อเลนส์ช่วงอื่นๆเพิ่ม ก็จัด 50 มม. ตัวนี้มาตลอด
แต่เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย นั่นคือถ้าไปกับกล้องตัวนี้ผมมักจะถ่ายภาพวิว หรือ ภาพ interior ภายในอาคาร ไม่ค่อยได้ คือจริงๆถ่ายได้แหละครับ แต่มันเก็บไม่หมด ต้องถอยกันจนชิดผนังเลยทีเดียว
LOMO LC-Wide
แล้ววันนึงผมก็ได้พบกับกล้องตัวต้นเรื่องนี้ นั่นคือ LOMO LC-Wide ได้เห็นภาพถ่ายตัวอย่างจากกล้องตัวนี้หลายรูป รู้สึกใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เงินในกระเป๋าสั่นพั่บๆๆๆขึ้นมาเลยทีเดียว มีโอกาสไปจับของจริง ลูบคลำ แนบตาอยู่หลายวัน จนในที่สุดมันก็มาตั้งบนโต๊ะที่บ้านแบบไม่รู้ตัว
ผมขอข้ามเรื่องราคาค่าตัวของกล้องรุ่นนี้ไปเลยนะครับ เพราะตอนซื้อจำได้ว่าลดราคาแต่จำไม่ได้ว่าโดนมาเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับเพชรก็ต้องบอกว่า แพงระยิบระยับเลยทีเดียว
อ่ะใจเย็นๆมาดูประวัติศาสตร์ของเค้ากันนิดนึง
โลโม่ มีประวัติยาวนาน มีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาและยาวเหยียด ถ้าอยากอ่านรายละเอียดก็กดตรงนี้
LOMO History
จะสรุปสั้นๆ ว่า กล้องโลโม่ คือกล้องฟิล์มคอมแพคที่กำเนิดในรัสเซีย สีสันจัดจ้าน ย้ายออกจากบ้านมาอยู่ออสเตรีย ปัจจุบันจำหน่ายโดย LOMOGRAPHY และ เมดอินไชน่า
กล้อง LOMO มันมีหลายตัวมากนะครับ ที่ โดดเด่นมากๆคือ รุ่น LC-A ส่วนรุ่น LC-Wide เป็นกล้องรุ่นน้องที่มีบอดี้คล้ายกัน แตกต่างกันตรงเลนส์ที่ไวด์หรือกว้างกว่ามาก
กล้อง LOMO LC-Wide ทำไรได้บ้างมาดูกัน
1. กว้างงงงงงงง
เอกลักษณ์ของกล้องรุ่นนี้คือติดเลนส์ไวด์มาในขนาด 17.mm คือแบบกว้างสาหัสสากันมาก ลองดูภาพที่อะฟิล์มถ่ายไว้ครับ
คือถ่ายภาพในห้อง ในอาคาร หรือที่แคบๆนี่เก็บหมดแบบสบายๆเลย
2. ถ่ายได้หลายรูปแบบ
เป็น อีกหนึ่งเหตุผลเลยครับที่เลือกซื้อกล้องตัวนี้ นั่นคือมันถ่ายภาพได้หลายแบบ โดยใช้อุปกรณ์เสริมที่แถมมาด้วยใส่เข้าไปก่อนใส่ฟิล์ม
– ภาพแบบเต็มเฟรม : ถ่ายแล้วภาพจะเต็มเฟรม ของฟิล์มทำให้ภาพที่ได้กว้างสะใจสุดๆ
อันนี้ถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์ล้างแบบครอสโปรเซส ภาพเลยยิ่งสีจัดเข้าไปใหญ่ (คลิ้กแต่ละภาพเพื่อดูภาพใหญ่)
อันนี้ถ่ายด้วยฟิล์มสีธรรมดา
-ถ่ายภาพแบบครึ่งเฟรม : คือกล้องสามารถที่จะบันทึกภาพสองภาพลงในฟิล์ม 1 ใบได้ นั่นคือ ฟิล์มขนาด 135 แบบ 36ภาพสามารถถ่ายได้ 72 ภาพเลยทีเดียว
ภาพจะออกมาเป็นรูปแบบประมาณนี้ครับ คือจะมีเส้นเฟรมดำๆคาดระหว่างรูป ที่เห็นนี่คือ ถ่ายสองทีแต่บันทึกลงฟิล์ม 1 ใบนะครับไม่ได้เอามาตัดต่อ
และบางทีก็จะออกมาเหลื่อมๆกันบ้าง สำหรับผมไม่ซีเรียสครับ
อ่ะลองดูรูปอื่นๆแบบครึ่งเฟรม
นอกจากแบบเต็มเฟรมและครึ่งเฟรมแล้วยังสามารถถ่ายแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้ด้วย แต่เสียดายผมยังไม่เคยลองใช้เฟรมแบบนี้เลยครับ เลยไม่มีภาพให้ดู
ลืมบอกครับว่า การที่จะถ่ายแบบเต็มเฟรม หรือครึ่งเฟรม หรือ สี่เหลี่ยมจัตุรัสนั้น เลือกแบบไหนไว้ต้องถ่ายแบบนั้นให้จบม้วนครับ ไม่สามารถสลับได้
3. ถ่ายแบบ Multi Exposure ได้
นั่นก็คือการถ่ายภาพซ้อนนั่นเอง กล้องตัวนี้ทำได้ครับ
4. เออใช่ ถ่ายเซลพี่ได้นะ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า คือเลนส์มันไวด์ไง เซลฟี่ได้แน่นอน
อันนี้แกะยืมกล้องไปถ่ายเซลฟี่ แน่ะ มียิ้มด้วย
ผมจะลองสรุปข้อดีข้อเสียจากการที่ได้ลองใช้มาให้ฟังนะครับ
ข้อดี
– ภาพไวด์ กว้างสะใจ เก็บหมดแน่นอน
– คือเบามาก ใส่กระเป๋ากางเกงหรือถือในมือแบบสบายๆเลย
– กล้องมีการปรับตั้งค่าน้อยมาก ปรับ isoให้ตรงกับฟิล์ม , ปรับระยะโฟกัส มีสองระยะ คือ 40-90 ซม. กับ 90-อินฟินิตี้ (วัดง่ายๆเอื้อมมือไปแตะไม่ถึง ก็ปรับเป็น 90-อินฟินิตี้) แล้วพอมันปรับน้อยกล้องมันก็เลือกสปีดชัตเตอร์ให้เราเอง เรียกว่าถ่ายแบบไม่คิดมากเลย ถ่ายๆไปเถอะอะไรแบบนั้น มันดีคือ เรามีเวลาเพิ่มขึ้นในการใช้เวลากับสิ่งรอบข้าง ไม่ใช่มานั่งถ่ายรูปกันอย่างเดียว
– ถ่ายได้หลายแบบ นี่มันเยี่ยมจริงๆ
ข้อเสีย
– โคตะระแพง
– บริโภคถ่าน 3 ก้อน ต้องมีสำรองกันนิดนึงนะ
– เนื่องจากถ้าถ่ายเต็มเฟรมแล้วภาพที่ได้มันจะกว้างมาก บางทีมันกว้างจนติดนิ้วเรามาด้วย เพราะฉะนั้นเวลาถือกล้องตอนถ่ายจะจับแบบเต็มไม้เต็มมือไม่ค่อยได้ ไม่เชื่อดูรูป ขวามือล่างๆนั่นแหละนิ้วป๋มเอง
อ่ะก็มีประมาณนี้นะครับสำหรับกล้องตัวนี้ เป็นรีวิวกล้องที่มีรูปกล้องแค่รูปเดียวจริงๆ บ้าที่สุด
เอาเป็นว่าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมลองเข้าไปดูในนี้นะ
LOMOGRAPHY LOMO LC-Wide
สำหรับผมนะคิดว่านอกจากเรื่องภาพถ่ายที่จะได้จากกล้องนี้แล้ว หลายๆครั้งมันก็ให้เรื่องแนวคิดด้วย ชิวิตบางทีก็ได้ความสุขมาง่ายๆ นั่นคือการไม่ต้องคิดมากนั่นเอง ถ่ายๆไปเถอะ สนุกกับมันก็พอ
ขอบคุณมากครับ