ช่วงนี้ผมมีโอกาสได้ทดลองใช้งาน กล้องใช้แล้วทิ้ง ค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะในตอนที่มีกล้องใหม่ๆเข้ามาที่ร้าน ใช้จนเริ่มรู้ว่าจริงๆแล้ว"กล้องใช้แล้วทิ้ง"มันสามารถนำกลับมาใส่ฟิล์มใหม่ได้เรื่อยๆ เลยทำให้รู้สึกแปลกๆที่จะพูดว่ามันคือกล้องที่ใช้แล้วก็ทิ้งไปเถอะ แล้วยิ่งตอนที่ผมได้มาทดลองใช้งานเจ้ากล้องของค่าย Lomography ตัวนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ถ้าเราเปลี่ยนจากคำว่า Single use camera เป็น Simple use camera แทน ก็ดูจะดีและตรงกว่าครับ ถ้าภาษาไทยก็เรียกอะไรดีล่ะ เรียก "กล้องพร้อมฟิล์ม" ละกันครับ
LOMOGRAPHY SIMPLE USE COLOR NEGATIVE 400
ชื่อยาวมาก ขอเรียกสั้นๆว่า Lomo Simple use ละกัน มาครับขอพาไปดู Spec ก่อนเลย
- กล้องบรรจุฟิล์ม Lomo iso 400 แบบ 36 ภาพมาให้
- ระยะโฟกัส เริ่มที่ 1 เมตรขึ้นไป
- มีแฟลชในตัว โดยมีระยะทำการ ประมาณ 1-2 เมตร
- มีแผ่นพลาสติก เพื่อผสมแสงให้กับการเปิดแฟลช
- ระยะเลนส์ 31 mm
- f. stop = f.9
- Speed shutter = 1/120S
- เมื่อถ่ายเสร็จแล้วสามารถเปลี่ยนฟิล์มได้
มาดูหน้าตากันครับ มาพร้อมกล่องสีสันสดใสเลยทีเดียว
กล้องห่อมาในซองพลาสติกใสๆแบบนี้ครับ
มีคู่มือมาให้ด้วย
ที่ด้านหน้ากล้อง ก็จะมีช่องมองภาพ แฟลช+แผ่นพลาสติกเปลี่ยนสีแฟลช และปุ่มเปิดแฟลช
ที่ด้านหลังมีคำอธิบายการใช้งานกล้องง่ายๆ และคำอธิบายเพิ่มเติมเรื่องการใช้แผ่นพลาสติกมาผสมสีให้กับการเปิดแฟลช มีช่องมองภาพ มีสวิตช์กรอฟิล์ม มีตัวเลื่อนฟิล์ม เรียงตามลำดับ
ที่ด้านบนมี ช่องแสดงสถานะแฟลช ตัวเลขบอกจำนวนฟิล์มที่เหลือ, ปุ่มชัตเตอร์
ที่ด้านล่างมีตัวกรอฟิล์มอยู่ทางซ้าย มีช่องใส่ถ่านสำหรับเป็นพลังงานแฟลช (อยู่ใต้สติกเกอร์สีแดง)
ในส่วนของช่องมองภาพที่ด้านหลังให้มุมมองประมาณนี้ครับ
ในส่วนของการใช้งานก็ไม่ยากครับ
1.เลื่อนตัวเลื่อนฟิล์มที่ด้านหลังกล้องหมุนไปทางขวาจนสุด
2.เล็ง
3.กดชัตเตอร์
ง่ายๆแค่นั้นเลยครับ
มาครับมาดูรูปจากฟิล์มม้วนแรกกันเลย เป็นผลงานของฟิล์มติดกล้องมาในตอนแรกคือ ฟิล์ม Lomo 400 ครับ
มาดูตอนแสงสว่างดีๆกันก่อนครับ
ได้ออกมาประมาณนี้ครับ สังเกตุว่าเรื่องสีสัน ก็สีสดพอสมควรนะครับ เรื่องลักษณะภาพ จะคมชัดที่สุดตรงกลางภาพ และที่ขอบภาพไม่เบลอมากนัก และก็เหมือนกับกล้องพร้อมฟิล์มทั่วๆไปตรงที่ เหมาะกับการถ่ายในที่แสงสว่างเยอะๆครับ เพราะกล้องประเภทนี้ฟิกค่า f.stop และ Speed shutter มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
มาลองตอนช่วงแสงเริ่มน้อยหรือในร่มบ้างครับ
ภาพที่ออกมาแน่นอนครับว่าแสงน้อยภาพก็จะมืดลง อันนี้ไม่ได้เปิดแฟลชนะครับ เพราะดูแล้วยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง เอาจริงๆก็พอไหวครับยังได้ภาพอยู่
ทีนี้ลองแบบที่มืดๆเลยแบบไม่เปิดแฟลชครับ
เอาละสิเห็นเลยว่าเริ่มอันเดอร์ไปเยอะมากแล้ว
เอ้าลองดูอีกนิด ที่มืดเลยแบบเปิดแฟลชนะครับ
จะเห็นว่าภาพที่วัตถุอยู่ไกลเกิน 2 เมตรแฟลชก็จะทำงานไม่ถึงครับ เข้าสู่สภาวะมืดตึ้บเต็มรูปแบบ
แล้วถ้าเราเปิดแฟลชในระยะใกล้ล่ะจะเป็นไง
ภาพนี้ผมเปิดแฟลชและเพิ่มแผ่นพลาสติกวางลงไปที่หน้าแฟลชแบบนี้ครับ
ในส่วนของการใช้งานแฟลชนะครับ ผมทดลองแล้วสำหรับปุ่มเปิดแฟลชของเจ้ากล้องตัวนี้ การใช้งานปุ่มที่ด้านหน้านั้นเพื่อเป็นการ "เปิดแฟลช" เท่านั้นนะครับ มันปิดไม่ได้วิธีคือ
1. ถ้าเราต้องการเปิดแฟลช ให้"กดค้าง"ที่ปุ่มเปิดแฟลชหน้ากล้อง
2. ให้สังเกตที่ด้านบนกล้องถ้าแฟลชพร้อมใช้แล้วจะมีไฟสีแดงๆขึ้นในช่องแสดงสถานะแฟลช
3. ปล่อยปุ่มเปิดแฟลช แล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เลย
คราวนี้ถ้าเราจะถ่ายรูปถัดไปโดยจะเปิดแฟลชอีก ก็เริ่มกระบวนการข้อ 1-3 อีกรอบครับ เพราะแฟลชจะไม่ยิงต่อเนื่อง
ทีนี้มาดูเรื่องต่อไปครับ สมมุติว่าเราถ่ายรูปจนครบแล้ว และต้องการส่งฟิล์มไปล้างที่แล็บ ก็ต้องมาเอาฟิล์มออกจากตัวกล้องก่อน โดยขั้นแรกต้องให้ฟิล์มถ่ายหมดก่อนจริงๆนะครับค่อยเปิดกล้องเอาฟิล์มออกมา โดยสังเกตได้จากถ้าเราเลื่อนตัวเลื่อนฟิล์มที่ด้านหลังกล้องไปทางขวา แล้วมันหมุนได้ไม่หยุดซักที นั่นแหละฟิล์มหมดแล้ว เปิดกล้องได้เลย
การเอาฟิล์มออกมาให้เริ่มจากการพลิกดูที่ด้านล่างกล้อง บริเวณช่องใส่ถ่านแฟลชจะมีสติ้กเกอร์ปิดทับไว้ ให้กรีดให้สติกเกอร์ตรงนี้ขาดออกจากกันครับ
ต่อไปให้ดูที่ด้านขวาของกล้องครับจะมีสวิตช์เปิดฝาหลังอยู่ ให้เลื่อนสวิตช์ตรงนี้ลงครับ
แต่สัญญาก่อนนะครับว่าจะไม่เลื่อนลงถ้ายังถ่ายฟิล์มไม่หมด!!!
จากนั้นก็แง้มฝาหลังเปิดออกมาครับ
ก็จะเจอฟิล์ม Lomo 400 อยู่ในช่องขวามือแบบนี้ครับ สามารถนำส่งแล็บล้างรูปได้เลยจ้า ไม่ต้องแงะให้ยากเหมือนกล้องพร้อมฟิล์มทั่วๆไป
จริงๆแล้วการรีวิวกล้อง Lomo ครั้งนี้มันก็ต้องจบลงจรงนี้แหละครับ แต่มันก็จะรู้สึกไม่สมบูรณ์ถ้าจะไม่แสดวิธีการโหลดฟิล์มใหม่ลงไปด้วย ก็บอกแล้วว่ากล้องใช้แล้ว ยังไม่ต้องทิ้ง มาดูกันเลยครับ
เริ่มจากเปิดฝาหลังมาเรียบร้อยให้เราเลื่อนแผ่นตัวเลขจำนวนฟิล์มที่เหลือให้มันตรงกับตัว E หรือหลังเลข 36 นิดหน่อย
จากนั้นวางฟิล์มที่จะถ่ายต่อลงไปในช่องด้านขวาของกล้อง เรื่องฟิล์มนี่
ของเดิมเป็นฟิล์ม iso 400 มา เพราะฉะนั้นฟิล์มที่จะใส่ไปใหม่ ควรจะเป็นฟิล์ม iso เดียวกันคือ 400 หรือสูงกว่าก็ได้เช่น iso 800 แต่ไม่ควรใส่ฟิล์มที่ต่ำกว่า 400 นะครับ ไม่งั้นภาพจะออกมามืดลงมาก ยกเว้น ใส่ฟิล์ม 200 แล้วไปให้แล็บล้างรูปพุชฟิล์ม (แต่ผมว่าทางที่ดีใส่สูงๆไว้ก่อนดีกว่าครับ) และภาพที่จะแสดงต่อไปนี้ผมใส่ฟิล์ม iso 200 ลงไปเป็นตัวอย่างเฉยๆนะครับไม่ได้ใช้งานจริงๆ (พอดีตอนถ่ายรูปรีวิว ฟิล์ม 400 หมดพอดี 555)
จากนั้นให้เราเลื่อนสวิตช์กรอฟิล์มไปทางด้านซ้ายค้างไว้
จากนั้นใช้มืออีกข้างดึงหัวฟิล์มมาพาดไว้ที่ช่องด้านซ้ายมือครับ
ต่อไปให้มองหาตัวยึดช่องหนามเตยของฟิล์มแล้วใส่ฟิล์มลงไปให้ตัวยึดเกี่ยวไว้แบบนี้
จากนั้นก็ปิดฝาหลังให้แน่นเลยครับ ต่อไปให้พลิกดูที่ด้านล่างจะเห็นตัวกรอฟิล์ม ให้เราง้างมันออกมาเตรียมไว้
ที่ด้านหลังกล้องให้เล็งไว้ก่อนเลยว่าเดี๋ยวจะมาเลื่อนสวิตช์ตัวนี้ไปทางซ้ายครับ
จากนั้นเมื่อเราพร้อมแล้วก็ลงมือเลื่อนสวิตช์กรอฟิล์มไปทางซ้าย ส่วนอีกมือก็หมุนตัวกรอฟิล์มทวนเข็มนาฬิกาครับ
ก็หมุนไปครับหมุนไปเรื่อยๆจนมันหมุนต่อไม่ได้แล้วจริงๆแสดงว่าสุดแล้วให้หยุดมือเดี๋ยวก้านกรอฟิล์มหัก เท่ากับว่าตอนนี้ ฟิล์มจากกลักใหม่ถูกม้วนมาอยู่ที่แกนเปล่าๆทางด้านซ้ายมือจนเต็มแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพที่เราจะต้องเลื่อนตัวเลื่อนฟิล์มก่อนเพื่อถ่าย เท่ากับเป็นการกรอฟิล์มเข้ากลักไปในตัวครับ จำให้มั่นเลยนะครับ เสร็จขั้นตอนนี้แล้วอย่าเพิ่งเปิดฝาหลังก่อนจะถ่ายเสร็จ ไม่งั้นฟิล์มทั้งม้วนจะเสียแน่ๆเลยจ้า
ทีนี้มาถึงการใช้งานจริงในม้วนที่สอง ผมวนหาฟิล์ม iso 400 ในบ้านไม่เจอเลยซักม้วน มีแต่ 100 กับ 200 อืมซึ่งจริงๆก็ยังพอมีฟิล์ม 800 อยู่ตัวนึงนะ เอาไงดี iso ไม่ตรงกับของเดิม แต่ไม่เป็นไรนี่น่ารู้อยู่แล้วว่า iso สูงกว่าต้องดีกว่าสำหรับกล้องแบบนี้ งั้นจัด Fuji Superia Venus 800 ในมือเลยดีกว่า ลุย!!!
ใส่เสร็จปุ้บออกไปถ่ายเลยครับ ได้ผลมาประมาณนี้ รูปจะเยอะๆหน่อยนะครับ ลุยถ่ายมาทุกสถานการณ์ แดดเปรี้ยง ในร่ม มืดตึ้บเอาให้ครบ
สรุปการใช้งานกล้อง Lomography Simple use Color Negative 400 แบบบ้านๆนะครับ เท่าที่ลองใช้ไปแล้ว 2 ม้วน ส่วนตัวคิดว่า
- ในแง่สีสัน ผมว่ากล้องถ่ายทอดสีสันของฟิล์มออกมาได้ดีครับ ถ้าฟิล์มดีและใหม่ สีก็ออกมาสดพอสมควรเลย
- ในแง่คุณภาพของภาพ ต้องบอกว่ามันดีในระดับของกล้องเล็กๆแบบนี้ครับ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่านำไปเทียบกับกล้องรุ่นใหญ่ๆที่เปลี่ยนเลนส์ได้ครับ ภาพที่ออกมาชัดสุดตรงกลางและมีอาการขอบเบลอๆบ้างแต่ไม่เยอะมากไป มีวิกเนตขอบดำๆให้เห็นด้วยสวยดีครับ
- ในเรื่องของการใช้งานกล้อง ง่ายมากๆครับ คือมันเป็นกล้องที่ยกขึ้นถ่ายเลยแบบไม่ต้องคิดมาก แค่เล็งแล้วถ่ายสบายบรื้อ
- ในเรื่องลูกเล่นของสีแฟลชผมว่าอันนี้เป็นเอกลักษณ์ที่กล้องพร้อมฟิล์มตัวอื่นไม่มี ซึ่งโดยปกติ เราจะเห็นว่ากล้องประเภทนี้มันเหมาะกับสภาพแสงดีๆสว่างๆ พอเราเอาไปถ่ายที่มืด เลยจำเป็นต้องเปิดแฟลช พอเปิดแฟลชภาพก็จะออกมาแข็งๆเพราะแสงแฟลช แต่ตัวนี้เพิ่มแผ่นพลาสติกสีเข้าไปสามสี ทำให้เรามีลูกเล่นเพิ่มเติมในการใช้แฟลช แต่โดยส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าเจ้าแผ่นพลาสติกสีๆนี่มันกางออกค่อนข้างยากครับ และหลายๆครั้งดูเกะกะในเวลาใช้งานหรือเก็บเข้ากระเป๋าอยู่บ้างครับ แต่ก็นะ มีดีกว่าไม่มี
- เรื่องความคุ้มค่ากับราคา 690 บาท ตอนแรกผมมองว่านี่มันเป็นราคาของกล้องพร้อมฟิล์มที่แพงมาก แต่เฮ้ยนี่มันเปลี่ยนฟิล์มได้ด้วย พอได้ลองใช้งานม้วนสองก็รู้เลยว่า เออไม่แพงละคุ้มอีกต่างหาก
- เรื่องการเปลี่ยนฟิล์ม ในบรรดากล้องพร้อมฟิล์มที่เราใช้ๆกัน ผมคิดว่าเจ้าตัวนี้เปลี่ยนฟิล์มได้ง่ายและสะดวกที่สุดแล้วครับ ไม่เชื่อลองดูที่ลิงก์นี้ครับผม
กล้องใช้แล้วทิ้ง....หรือจริงๆจะเก็บไว้ก่อน
โอเคครับ ก็ว่ากันมาพอสมควรแล้ว สรุปว่ากล้องตัวนี้ดีครับน่าใช้มากในวันง่ายๆที่ไม่อยากคิดมากอะไร ผมขอจบการรีวิวลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันครับผม
โน้ต อะฟิล์ม
รีวิวดีเลยทีเดียวนะคะ มีภาพประกอบด้วยดีมากๆเลยค่ะ แต่อยากสอบถามว่าหาซื้อกล้องตัวนี้ในราคานี้ได้ที่ไหนบ้างคะ???
ตัวนี้หาซื้อได้จากที่ไหนบ้างคะ
gibson ขอบคุณมากครับผม
รีวิวดีมากค่ะ ขอบคุณนะคะ จะลองบ้าง :)