สวัสดีครับ
“ฤดูตั๋วถูก” ทำให้เห็นคนไทยทยอยเดินทางออกนอกประเทศกันจนเครื่องบินหนักอึ้งกันเลยทีเดียว ผมเองก็ด้วย ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่น 10วันในเดือนตุลาคม 2558 ก็จะช้าอยู่ใยเก็บของสิครับ !!
และทุกครั้งไปเที่ยวทั้งที ต้องมีปัญหาว่าจะเอากล้องอะไรไปถ่ายรูป และทุกครั้งอีกครั้งก็เอามันไปทุกตัวอยู่ดี งวดนี้หวยมาออกที่กล้องฟิล์ม Nikon FM2,Nikon D90,Gopro และที่เยอะนี่ไม่ใช่ว่าถ่ายรูปเก่งนะครับ คือถ่ายเยอะๆไว้ก่อน เดี๋ยวมันมันต้องสวยซักรูปละน่า
ในส่วนนี้ขอพูดถึงกล้องฟิล์มอย่างเดียวนะครับผม คราวนี้ขนฟิล์มไป10ม้วนกะว่าวันละม้วนเลยสบายๆแต่เอาเข้าจริงๆ ด้วยความที่ต้องขนของเยอะ บวกกับสถานที่ที่ต้องเดินทางไปก็หลากหลายและรวดเร็ว เลยทำให้กล้องฟิล์มของผมมีข้อจำกัดที่ข้ามยากอยู่หลายจุด สุดท้ายถ่ายไปได้แค่ 4 ม้วนเท่านั้น
การเดินทางครั้งนี้ไปด้วยหลายวิธีทั้งการเช่ารถ,นั่งเรือ,แท็กซี่,รถเมล์,จักรยานธรรมดา,จักรยานมีมอเตอร์,รถไฟ จนถึงการเดิน ที่บางวันมากกว่า 20 กม. และเดินทางไปในหลายที่ โดยเริ่มจาก
OSAKA>KYUTO>OKAYAMA>KAGAWA>
KUMAMOTO>OITA>FUKUOKA>HIROSHIMA
โอเคครับขอเริ่มเลยนะครับ
ม้วนที่ 1 FUJICOLOR 100 (JAPAN VERSION)
วันแรกของการเดินทางจากดอนเมืองถึงโอซาก้าและไปยังเกียวโต หลังจากเข้าที่พักแล้วก็หลับยาวๆเพื่อเติมพลัง พอเช้าวันที่สอง ตื่นแต่เช้าเด้งขึ้นมาแล้วออกมายืนบนถนนหนาวๆกับบรรยากาศแห่งความกะทัดรัด
สภาพเมือง เกียวโตตอนเช้า น่าเดินสุดๆ
ที่พักในวันนี้อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ SHICHIJO แถวนั้นมีแม่น้ำสวยๆและกิจกรรมเยอะแยะ
ผมยังจำเช้าวันนั้นได้ดีครับ ผมมากับเพื่อนๆที่ออฟฟิศเก่ากลุ่มใหญ่ๆกลุ่มนึง หลายคนเลือกให้เช้าวันนั้นเป็นวันออกมาวิ่ง หลายคนเลือกนอน แต่ผมเลือกที่จะออกมาถ่ายรูป อากาศกำลังเย็นสบายสำหรับคนไทย ผมเริ่มเห็นเด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียนด้วยการเดินเป็นแถวๆอย่างมีระเบียบ เริ่มเห็นคนออกมาหาซื้ออาหารตามร้านสะดวกซื้อ คือคนค่อยๆเยอะขึ้นทีละนิด
ผมเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินที่เลียบแม่น้ำ Kamo แม่น้ำที่ไม่กว้างมากนักแต่ใสสะอาด และมีน้ำอยู่นิดเดียวเอง ผมเดินไปเรื่อยๆถ่ายรูปอยู่เพลินๆ สายตาก็เจอะเข้ากับคนคนนึงที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ เป็นชายคนนึงกำลังยืนนิ่งๆเพื่อตกปลา ผมค่อยๆเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แล้วถ่ายรูปชายคนนั้น รู้ตัวอีกทีเค้าก็หันมามองผมแล้ว ผมยืนอยู่ใกล้เค้าในระยะพูดคุยกันได้ แต่แน่นอน คุยไม่รู้เรื่องแน่
เวลาผ่านไปแป็บนึง ผมก็เห็นสายเบ็ดที่เค้าถือตึงเป๊ะขึ้นมา ชายคนนั้นรีบเกร็งมือและม้วนสายเบ็ดเข้าหาตัว จากนั้นก็วิ่งไปหยิบสวิงขึ้นมาแล้วช้อนปลาที่ตกได้ ผมนี่ร้องโอ้โหออกมาเลย คือปลาที่เค้าตกได้มันโคตะระใหญ่เลยครับ ผมเดินเข้าไปถามเค้าเป็นภาษางูๆและปลาๆ ประมาณว่าคุณจะกินมันเหรอ เค้าส่ายหน้า จากนั้นก็ถอดเบ็ดจากปากปลาแล้วปล่อยกลับคืนสู่แม่น้ำ
ผมงงมากๆ ที่เค้าปล่อยปลาไป และอีกข้อคือแม่น้ำตื้นๆแบบนี้มีปลาใหญ่ระดับนี้ได้ยังไง แม่น้ำบ้านเค้าต้องสะอาดมากๆเลยนะ!!!
ผมเดินเล่นต่อไปเรื่อยๆ มองดูสายน้ำมองดูผู้คนออกมาเดินออกมาวิ่งกันรอบๆแม่น้ำนั่น มันเป็นเช้าที่ดีที่สุดวันหนึ่งของชีวิตผมเลย เหมือนโลกนี้ไม่มีเรื่องทุกร้อนใจอะไรทั้งนั้น
ช่วงสายๆผมกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ คุยแผนกันคร่าวๆว่าวันนี้จะเที่ยวในเมืองเกียวโต ด้วยวิธีอะไรดี สุดท้ายก็ไม่รู้ คือออกมาเดินกันข้างนอกก่อน คิดออกแล้วค่อยว่ากัน
แล้วเราก็เดินมาเจอร้านนี้
จักรยานเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับทุกคนอยู่แล้ว แถมน่าสนุกด้วย เรามุ่งหน้าสู่วัด KAMOMIOYA-JINJA พิกัดโดยประมาณ 35.036989, 135.772426
ไปดูบรรยากาศรอบๆวัดกัน
(คลิ้กภาพเล็กเพื่อขยายครับ)
ดูเสร็จก็ปั่นกันต่อเพื่อเดินทางไปที่วัด NIJO CASTLE แต่เจอกับ Kyoto Imperial Palace ซะก่อน เลยแวะเข้าไป ใหญ่โตโอเชี่ยนมาก แต่ไม่พักกันเลย เลยกลายเป็นปั่นยาวๆไม่ได้ถ่ายรูปซะงั้น
NIJO CASTLE พิกัดโดยประมาณ 35.013468, 135.751409
พอปั่นมาถึงแล้วถึงได้รู้ว่าปราสาทแห่งนี้ห้ามถ่ายภาพด้านใน เลยอดตามระเบียบ ที่นี่มีทางเดินในการชมยาวมากกินระยะทางเป็นกิโลๆเลย
มาซะไกลแต่ห้ามถ่ายรูปเซ็งเลย จากนั้นก็ปั่นจักรยานต่อไปที่วัดยอดฮิต KINKAKU-JI TEMPLE พิกัดโดยประมาณ 35.039237, 135.732034
เคยมาที่วัดนี้หนนึงแล้ว วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมคือ คนเป็นล้าน หามุมถ่ายยากมากๆ แต่ก็ครื้นเครงดีครับ เป็นอีกสถานที่นึงบนโลกที่หามุมถ่ายรูปโดยไม่ติดคนยากมากกก
ไม่ไหวเหนื่อย อยู่เมืองไทย ปั่นจักรยานไกลสุดวันละ 200 กม. มาเจอที่เกียวโต จักรยานเช่าดีนะแต่เบาะสั้นไปหน่อยทำให้คนขายาวอย่างผมต้องงอขาปั่นเป็นระยะทางหลาย กม. ในวันนี้ ทำให้บอบช้ำไปพอสมควร ไว้พรุ่งนี้จะลองนั่งรถไฟดูบ้าง
วันที่สามการเดินทางเปลี่ยนมาใช้รถไฟ ทั้ง JR และ SUBWAY ต่างๆในเมือง ก็ไปทำบัตร JR PASS ไว้นะ แต่เดินทางเข้าออกตามซอกซอยโน้นนี้ จนมันต้องใช้บริการรถไฟที่ไม่ใช่ JR จนทำให้สับสนช้าวุ่นวายไปหมดในเมืองเกียวโต ทั้งย่านกีออน ย่านเมืองเก่าเกียวโต ไปชมป่าไผ่ ไปชมวัดเก่าแก่ ต่างๆนานา เหล่านั้นล้วนเสร็จกล้องดิจิตอลทั้งหมด
ม้วนที่ 2 AGFA VISTA PLUS 200
กว่าจะได้เริ่มม้วนที่สองก็ปาไปวันที่ 4 แล้ว เช้าวันที่ 4 ได้ฤกษ์เปลี่ยนที่นอนไปเมืองอื่นบ้าง เราเดินทางจาก KYUTO นั่งชินคันเซน ไปยังเมือง OKAYAMA ลงที่สถานี UNO แล้วต่อเรือไปที่เกาะ TESHIMA
เกาะนี้มีที่เที่ยวหลักๆคือ TESHIMA ART MUSEUM พิกัดโดยประมาณ 34.489488, 134.090790 ที่นี่ห้ามถ่ายรูป เป็นสถานที่ที่อธิบายยาก บอกไปเดี๋ยวรู้หมด แนะนำให้มานะครับถ้าใครมีเวลา มันสุดยอดจริงๆ มิวเซียมนี้
เราเที่ยวที่เกาะนี้ทั้งวันอย่างเหน็ดเหนื่อยเพราะต้องลากกระเป๋าขึ้นรถเมล์ และกล้องฟิล์ม ก็อดเก็บภาพกันตามระเบียบ เราเดินทางสู่ที่พักใหม่ในเมือง TAKAMATSU รอเช้าวันใหม่เดินทางอีกรอบ
ยามเช้าที่ TAKAMATSU
เช้าวันที่ 5 ข้ามไปเกาะอีกครั้ง คราวนี้ไปอีกเกาะชื่อว่า NAOSHIMA ก็รีบไปท่าเรือกันแต่เช้า แต่ปรากฏว่าตกเรือต้องรอรอบถัดไป เลยเดินแก่วเล่นแถวท่าเรือ
เกาะ NAOSHIMA เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดชมโน้นนี่นั่นเต็มไปหมด ต้องใช้เวลาทั้งวันจริงๆ แต่วันนี้เรามีพาหนะใหม่คือ จักรยานไฟฟ้า ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเราขึ้นเนิน อธิบายง่ายๆเหมือนเราปั่นแล้วมีคนลากเราไปข้างหน้าอย่างแรง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ปั่นจักรยานขึ้นเนินแล้วยิ้มได้ แต่ที่ยิ้มไม่ได้คือหลายที่บนนี้ห้ามถ่ายรูป !!!
สถานที่น่าสนใจบนเกาะที่ผมคิดว่าต้องไปให้ได้คือ Chichu Art Museum พิกัดโดยประมาณ 34.449764, 133.986116
อีกจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปคือ ฟักทองในตำนาน พิกัด 34.446446, 133.995655
อีกลูกอยู่ที่ท่าเรือ พิกัดโดยประมาณ 34.455934, 133.973862
กว่าจะกลับก็เย็นเลย
เช้าวันที่ 6 เราก็เดินทางด้วยชินคันเซนกลับเมืองโอซาก้า ผมแยกตัวจากกลุ่มใหญ่ เพื่อมาพบกับภรรยาที่ตามมาสมทบ กว่าภรรยาจะถึงก็ดึกมากๆ ผมเลยถือโอกาสไปลุย NAMBA ก่อน เพื่อนถ่ายภาพแถวย่านตึกกูลิโกะ พิกัดโดยประมาณ 34.669114, 135.501286
คนเยอะจนน่าตกใจ ได้ยินเสียงคนไทยแว่วๆมาตลอดทาง ก็บอกแล้วว่าฤดูตั๋วถูก
กลับมาเริ่มต้นที่ รร.ในสนามบินคันไซอีกครั้ง ได้พบภรรยาแล้ว เตรียมตัวมุ่งสู่ “ภาคใต้ของญี่ปุ่น” ในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันที่ 7 ตื่นเร็วสุดๆเพื่อไปรับ JR PASS SANYO SANIN เพื่อเดินทางไปยังเกาะคิวชู ผมกับภรรยากระเตงกระเป๋าขึ้นรถไฟชินคันเซน ไปลงที่เมือง FUKUOKA ที่สถานี HAKATA แล้วรับรถเช่าที่ติดต่อเอาไว้ เป็นรถมาสด้าคันจิ๋วคล่องตัว น้ำมันเต็มถังมุ่งสู่เมือง KUMAMOTO โดยพลัน
เมืองคุมาโมโตะ มีเทือกเขานึงชื่อว่า ASO ที่รวบรวมภูเขาหลายลูกสวยๆไว้ด้วยกัน ก่อนหน้าเราจะมาที่นี่เพิ่งจะมีข่าวว่า ASO ภูเขาไฟที่เราอยากมาดันปะทุขึ้นส่งควันไฟไปยังพื้นที่ใกล้เคียงจนญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยระดับ 2 ตอนนั้นใจแป้วมาก แต่ก็ตามข่าวอยู่เรื่อยๆจนรู้ว่ายังเที่ยวรอบๆได้อยู่
อันนี้เป็นภูเขาไฟน้องใหม่ในย่าน ASO ชื่อว่า KOMEZUKA เราตั้งชื่อเล่นให้มันว่า พุดดิ้ง พิกัดโดยประมาณครับ 32.902308, 131.042770
ข้างๆพุดดิ้งมีภูเขาสวยๆแปลกตาอีกลูก มีขนมโคลอน เกลื่อนพื้นเลยทีเดียว
ขับรถเลยมาอีกหน่อยจะถึงทุ่งหญ้า KUSASENRI เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มองเห็นได้กว้างมาก และจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่เขาอนุญาตให้เข้าเพราะยังคงมีควันไฟจากภูเขาไฟลูกที่ปะทุลอยเกลื่อนบนภูเขาลูกถัดไป
บริเวณใกล้ๆกันมี Aso Volcano Museum พิกัดโดยประมาณ 32.884973, 131.052202 ตรงนั้นมีทุ่งโล่งกว้างๆ และมีบริการขี่ม้าชมวิวด้วย
วันนี้ขับรถไปหลายร้อยกิโล เหนื่อยสุดๆ ตกดึกแอบแวะไปสถานีรถไฟคุมาโมโตะหาของกินเล่น คุมาโมโตะเป็นเมืองที่ไม่น่าขับรถเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะแยกไฟแดงเยอะ บวกกับผังเมืองสับสนวุ่นวาย เลี้ยวแบบกระชั้นๆบ่อยมาก GPS บนรถไม่ช่วยอะไรเราเลย
ม้วนที่ 3 LUCKY RED 200
เช้าวันที่ 8 จุดหมายของเราอยู่ที่จังหวัด OITA ที่เมือง YUFUIN แต่วันนี้มีที่แวะรายทางเยอะมาก ที่แรกผมเรียกไม่ถูกว่ามันชื่ออะไร แต่คนแถวนั้นเรียกถนนที่ตัดผ่านว่า “MILK ROAD” เส้นทางที่ผมว่ามีระยะทางเพียง 5 กม. เท่านั้น แต่เส้นทางสูงชันแคบ และคดเคี้ยว สุดๆ พิกัดเริ่มประมาณนี้ 32.955911,131.016697 ไปจบที่ 5 กม. ที่พิกัดนี้ 32.963328, 130.999552 ผมรับรองว่าสวยสุดๆแน่นอน แต่โชคร้ายก็มาเยือนเราทั้งคู่ เพราะขณะขับไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเริ่มแคบลง จนประมาณ กม ที่ 3 ก็เจอเจ้าหน้าที่ปิดถนน บอกว่ามีดินถล่ม !!!!! อดครับ ต้องอ้อมไปอีกทางระยะกว่า 20 กม. เพื่อไปเดินลงมาจากพิกัดปลายทางแทน แม่เจ้า อดเลยถนนในฝัน ได้แต่ถ่ายรูปทางเข้าด้านบนมานิดหน่อย
เราเดินทางไปเมืองยูฟุอินต่อ ระหว่างทางมีแต่วิวภูเขาที่สวยงามมากๆ เป็นเส้นที่น่าขับรถสุดๆแล้วครับ กว่าจะมาถึงยูฟุอินก็เย็นมากแล้ว เลยหาที่จอดรถแล้วลงเดินไปยัง แม่น้ำ OITAGAWA
มีจุดถ่ายรูปเด่นๆก็ตรงนี้แหละครับ ข้างหน้าแม่น้ำข้างหลังภูเขา พิกัดโดยประมาณ 33.262051, 131.359056
เซเว่น คุณค่าที่คุณคู่ควร
ผมรักร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นมากครับ อย่างแรกเลยคือมีที่จอดรถ มีส้วมดีดีในร้าน มีของกินจุกจิก แล้วยิ่งเจอพวกตู้น้ำตู้กาแฟหยอดเหรียญนะ สุดยอด
เช้าวันที่ 9 หมอกยามเช้าที่ทะเลสาบ KINRIN พิกัดโดยประมาณ 33.266601, 131.368426
จากนั้นเดินทางไปยังเมือง BEPPU ครับ เป็นเมืองแห่งบ่อน้ำร้อนบรรยากาศระหว่างทางงดงามมาก
เบปปุเป็นเมืองที่มีแต่ควันของบ่อน้ำร้อนทั้งเมืองเลยครับ มาเห็นตอนแรกตกใจโคตร อะไรวะนั่น และมีบ่อน้ำร้อนขึ้นชื่ออยู่เป็นกระจุก ทั้งแบบบ่อมีน้ำ สีฟ้า สีแดง แบบโคลนเดือด พิกัดโดยประมาณ 33.315390, 131.470513
หลังจากนั้นเราก็ขับรถยิงยาวไปที่เมือง ฟูกุโอกะ เมืองที่อยู่ตอนบนของคิวชู วิ่งยาวๆบนทางด่วนซึ่งขอบอกว่าใครมาเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นควรจะใช้บริการทางด่วนนะครับ เพราะวิ่งข้างล่างรถโคตรติด ถึงแม้ว่าจะจ่ายแพงกว่าเยอะในค่าทางด่วนแต่มันวิ่งได้หลายร้อย กม. เลยนะครับ แล้วยิ่งจุดพักรถบนทางด่วนเนี่ยขอบอกว่าเยี่ยมมากๆ วิวดี ของกินอร่อย ห้องน้ำสะอาด แล้วมีตลอดทาง สามารถเลือกจาก GPS บนรถได้เลยว่าอยากจะไปตรงไหน
ม้วนที่ 4 Tudorcolor xlx 200
มาถึงฟูกุโอกะ เราก็มาที่นี่ก่อนเลย ที่อ่าวฟูกุโอกะ พิกัดโดยประมาณ 33.593873, 130.352082 ใกล้ๆกันมี ฟุกุโอกะทาว์เวอร์ด้วย
คนส่วนใหญามานั่งชมวิวครับ ทะเลอาจจะเล่นน้ำไม่สนุก ถ้าเป็นบ้านเราต้องเห็นบานาน่าโบ้ทแล้ว ๕๕๕
จากนั้นก็ได้เวลาบอกลารถที่เช่ามาแล้วครับโดยเราก็ขับกลับไปที่สถานี ฮากาตะ คืนรถเสร็จก็มุ่งหน้าสู่เมือง Hiroshima ต่อ เพื่อเข้าที่พักในคืนนี้ แต่ก่อนจะไปขอบอกว่าถ้าใครมาที่สถานีนี้ อย่าลืมหาขนมของฝากของคิวชูนะครับ มีหลายอย่างมากๆ แถมอร่อยมากด้วย เสียดายที่สุดที่ซื้อกลับมาน้อย
คืนนั้นเราค้างคืนที่ ตึกเล็กๆในฮิโรชิม่า กะว่าเหนื่อยรีบนอนเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางข้ามฟากกลับไปโอซาก้าต่อ
เช้ามากะว่าจะไปฮิโรชิม่าอะติมิกบอม ก็ไม่ได้ใกล้กับที่พักเลย แถมรอบรถไฟก็เป๊ะๆมากๆ มาเที่ยวนี่ JR PASS นี่ใช้คุ้มค่ามากๆ เราฝากกระเป๋าที่สถานี Shin-Osaka แล้วรีบทำเวลาเพื่อไปเที่ยวกันที่ Osaka Aquarium Kaiyukan พิกัดโดยประมาณ 34.655935, 135.431603
ก่อนเข้าอควอเรี่ยมขอขึ้นชิงช้าสวรรค์ก่อนนะ
ต่อไปไม่ขึ้นแบบนี้อีกละ กลัวมันสูงเกิ้นแถมช้าอีก ได้รูปอควเรี่ยมจากบนนั้นมา รูปนึง เออค่อยคุ้มหน่อย
หลังจากนั้นก็เข้าไปเที่ยวอควเรี่ยมกันต่อสนุกสนานเฮฮาจนเกือบลืมเวลาต้องไปต่อ และจากนี้ไปก็ไม่ได้ยกกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายอีกเลยเพราะเป็นการเที่ยวแบบทำเวลา ยังกะทีมชาติ เราไปต่อกันที่ที่พอจะไปได้ ก่อนอื่นนั่งรถไฟไปเอากระเป๋าที่โอซาก้า แล้วจากนั้นก็ลากกระเป๋ากระเตงกันไปที่ Sayamaike Museum ที่นั้นสวยมากแถมชมฟรี อาคารฝีมือปรมาจารย์ TADAO ANDO คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ โดยเฉพาะโถงวงกลมนอกอาคารอันนั้นแหม่……….ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์ม มือถือล้วนๆพิกัดโดยประมาณ 34.507908, 135.551616
เที่ยวเสร็จก็บึ่งกันกลับมายังสนามบินแบบฉิวเฉียดจริงๆ เป็นทริปที่วิ่งมากกว่าเดิน เพราะสถานที่ที่อยากไปมันแตกออกเป็นดาวกระจายเลย ถ้ามาอยู่ปุ่นอีกครั้งผมจะจำไว้เลยว่า กล้องฟิล์มต้องถ่ายก่อน ถ่ายให้เยอะที่สุดไม่ต้องกลัวเปลืองฟิล์ม คราวหน้าจัดเต็มแน่นอน
สวัสดี