ไปเยือนซักครา เมกากับกล้องฟิล์ม-ตอนที่ 3

สวัสดีครับ ทริปอเมริกานั้นผ่านมา 2 ตอนแล้วนะครับ ตอนนี้จะเล่าถึงช่วงสุดท้ายของการเดินทางครับ

ส่วนสองตอนแรกอ่านได้จากตรงนี้ครับ

ไปเยือนซักครา เมกากับกล้องฟิล์ม-ตอนที่ 1

ไปเยือนซักครา เมกากับกล้องฟิล์ม-ตอนที่ 2


ผมและภรรยาอำลาทุกคนที่เมืองไมอามี่ คนและเมืองแห่งแสงแดดและชายหาด เราสองคนบินข้ามประเทศจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก  จุดหมายคืออีกเมืองที่ได้ยินชื่อมานานแล้ว  นั่นคือเมือง ซานฟรานซิสโก  เออ โกโก ไปต่อก่อนจะกลับไทยครับ

SAN FRANCISCO 
เราตกลงกันว่า ที่ซานฟรานเราจะขับรถเที่ยวกัน  จะได้ซอกแซกได้เยอะหน่อย ก็เลยไปเช่ารถที่สนามบินซานฟราน  คือจริงๆจองรถกันมาก่อนแล้ว เป็นรถ Chevrolet คันเล็กๆน่ารัก  แต่ตอนที่รับรถจริงๆกลายเป็นรถเก๋ง Volkswagen ซะงั้นโว้ยย 

จากสนามบินเราตรงดิ่งเข้าเมืองซานฟรานแบบมีเป้าหมายชัดเจน   คือกะจะขับไปหากาแฟดีดีกินกันก่อนที่ร้าน  Blue Bottle  ก็ราวๆ 30 กม. ชิวๆ ทางตรงๆ  ดีด้วยเพราะเป็นการฟื้นความจำจากการขับรถพวงมาลัยซ้ายที่ได้ฝึกตอนไปเที่ยวเมือง บัฟฟาโล่

ไม่นานเราก็มาถึงตัวเมืองซานฟราน  มองไปทางไหนก็เจอแต่รถเพียบ  เราขับวนหาที่จอดกันอยู่นานมากๆกว่าจะได้ลงจากรถก็ปาเข้าไปเป็นชั่วโมง  สรุปไม่ได้กินกาแฟเพราะที่จอดไกลมาก  เลยเปลี่ยนแผนไปเดินเล่นที่อีกจุดนึงก่อน

PAINTED LADIES 
จุดนั้นคือจุดที่เที่ยวเด่นๆของเมืองซานฟรานเลยทีเดียว  พอลองไปสัมผัสดูเลยเข้าใจได้ว่ามันน่ามาเที่ยวขนาดไหน

Kodak Portra 160

ตรงนั้นเป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่ ที่คนมาพักผ่อนหย่อนใจกันเต็มไปหมด  เพราะมันอากาศดีมากๆ และวิวก็ดีเลยทีเดียว โดยไฮไลท์อยู่ที่อาคารแถวกลุ่มนึงที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามระดับความลาดเอียงของถนน ทาสีสดๆหน่อย โดยมีฉากหลังเป็นเมืองซานฟรานที่ต่ำลงไปไกลๆ

Kodak Portra 160

Kodak Colorplus 200



เราสองคนเปลี่ยนใจจอดรถทิ้งไว้ที่ถนนแห่งหนึ่งแล้วขอใช้วิธีเดินเล่นในเมืองนี้แทนดีกว่า  คือไม่รู้สิ  มีความรู้สึกว่ามันน่าเดิน และมีอะไรน่าถ่ายรูปไปหมด  ไปเดี๋ยวพาไปดู

ที่เด่นๆอย่างแรกคือ 
ถนนที่ลาดชันมากๆ ทำให้บ้านเรือนริมถนนต้องปลูกเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันไป  ขอบอกว่าเดินๆนี่มีหอบนะถ้าเดินขึ้น  แต่ถ้าเดินลงจะเป็นหนังคนละม้วนเลย

Kodak Portra 160

Kodak Colorplus 200

Kodak Portra 160

รู้สึกว่าคิดถูกมากๆที่เปลี่ยนใจเที่ยวแบบเดินเท้า  เพราะมันได้เห็นมุมดีๆในเมืองเพียบเลย  นอกจากบ้านเรือนที่ผมชอบแล้วมีสิ่งนึงที่ประทับใจมากๆ นั่นคือต้นไม้ครับ คือมันสวยโดตเต็มฟอร์มของมันแบบไม่มีสายไฟมากวนใจ  ทางเท้าที่ไม่สร้างปัญหาให้ต้นไม้   แค่นี้ก็เข้าใจเลยว่าทำไมตอนก่อนจะมาเที่ยว  หาข้อมูลที่เมกามีแต่คนแนะนำว่าเมืองซานฟรานนี่ต้องมาให้ได้ 

โอเคทีนี้ก็ได้เวลาไปกินกาแฟกันซักที 

BLUE BOTTLE COFFEE

จริงๆมีหลายสาขานะครับ แต่จะบอกว่าสาขาที่ ซานฟรานตรงนี้มีข้อดีคือ มันติดกับจุดที่มีความเป็นย่านงาน Art ครับ แต่เดี๋ยวไปดูกาแฟกันก่อน

Kodak Portra 160


Kodak Proimage 100

Kodak Portra 400

ในส่วนของร้านนี้มันเป็นร้านเล็กๆที่ไม่มีโต๊ะนั่งครับมีเพียงโต๊ะแคบๆทรงสูงให้ยืนดื่มกาแฟกัน  คือผมไปลองมาทั้งแบบร้อนและเย็นแล้ว ขอบอกว่าดีมากๆคุ้มค่ากับการพยายามวนรถอยู่หลายรอบ  นี่ก็หิ้วเอาเมล็ดกาแฟกลับมาเมืองไทยด้วย   ผมชอบตรงร้านเค้าเล็กๆน่ารัก คนขายยิ้มแย้มดีมาก  นั่นคงเพียงพอให้คนมายืนต่อแถวยาวกันเต็มหน้าร้านเลยทีเดียว  ใครผ่านมาเที่ยวแถวนี้อย่าลืมแวะมาครับ






ทีนี้ลองมาดูย่านข้างๆร้านกาแฟกันครับ

Kodak Proimage 100

Kodak Portra 400


เพลินมากๆครับการเดินถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มในเมืองนี้  เพราะว่าเมืองจะดูเคลื่อนไหวช้ากว่านิวยอร์กมากๆ ทำให้เราไม่ต้องไปตามกระแสความรีบร้อนใดๆ  เลยมีเวลาเห็นนู้นนี่นั่นค่อนข้างเยอะ

หลังจากนั้นก็เริ่มรู้ตัวว่าเดินกันนานพอดู และเริ่มเย็นแล้ว   ได้เวลาไปหาบ้านพักที่จองไว้สักที  บ้านพักของเราคืนนี้อยู่ไกลจากจุดนี้พอสมควรราวๆ 30 กม.  คือเราต้องนั่งรถข้ามอ่าวซานฟรานซิสโก ไปทางขวามุ่งสู่เมือง ริชมอนด์นู้นนน

บ้านพักที่จองไว้มันดีจนหน้าตกใจครับ จองผ่าน AIRBNB  มา บ้านเป็นบ้านในหมู่บ้านคนรวยเลย บ้านเดี่ยวสองชั้น ดับเบิ้ลวอรุ่ม มีสวนใหญ่ๆ ต้นไม้ต้นโตๆ  คือแบบเดินราคาไปมาก  ติดแค่เรื่องเดียว มันเงียบจนเหงาไปหน่อย  

Kodak Portra 400



อยู่สบายนอนสบาย ใครสนใจมาพักกันได้ครับ

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเรามีแผนการเที่ยว สถานที่ทางธรรมชาติที่บังเอิญไปหาเจอมา  มันเป็นชายฝั่งทะเลด้านซ้ายของซานฟราน  การเดินทางค่อนข้างไกลจากที่พักในขณะนี้ ก็ราวๆ 90 กม. มันต้องสนุกแน่ๆไปดูกันครับ

POINT REYES STATION
ขับรถมาได้ไกลราว 60 กม. บนเส้นทางที่ต้องบอกว่าเป็นชนบทที่สวยงามมากๆครับ แล้วอยู่ๆทุ่งหญ้า ภูเขาก็หายไป  และพาเราเข้าสู่เมืองๆนึงที่น่ารักชะมัด  Point Reyes Station เป็นเหมือนเมืองแวะพักระหว่างทาง  อารมณ์เหมือนตอนเราดูหนังการ์ตูนเรื่อง Cars ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านเหล้า ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ดอกไม้ โน้นนี่นั่นเต็มไปหมด แบบนี้ก็ต้องแวะแล้วครับ

Kodak Portra 400

 



ขับรถต่อจากเมืองน่ารักมุ่งสู่สถานที่ที่อยากไปเยือนอีกที่

CYPRESS TREE TUNNEL
มันมีสถานีวิทยุสถานีนึงมาสร้างอยู่ในย่านห่างไกลผู้คนขนาดนี้ เรียกว่า KPH Radio Station แต่ที่ว่าจะมานี่คือไม่ได้มาเที่ยวสถานีวิทยุนะครับ  มาเที่ยวทางเข้าสถานีต่างหาก

Kodak Colorplus 200

ทางเข้าสถานีเป็นอุโมงค์ต้นไม้ใหญ่ ยาวๆซัก 500 เมตรได้ คือจะพูดไงดีละมันสวยจริงๆ  สวยจนรถทุกคันที่ผ่านแล้วหันมาเห็นจะต้องจอดเดินมาดู  ตรงนี้เรียกว่า  CYPRESS TREE TUNNEL 

Kodak Colorplus 200

Kodak Portra 400


เราขับรถกันต่อไปยังชายหาดที่ผมกล่าวถึงในตอนต้น  หาดมีชื่อว่า

POINT REYES
เป็นหาดที่ถ้าดูตามแผนที่จะรู้เลยว่ามันประหลาด คือมันตรงยาวเป็นไม้บรรทัดเลยทีเดียว และไม้บรรทัดนี้ยาวราวๆ 20 กม. !!!!  ทางไป Point Reyes นี่คือสวยงามเหลือเกินครับ

Kodak Portra 400

Kodak Colorplus 200


POINT REYES LIGHTHOUSE
ที่สุดปลายชายหาดอันยาวไกลจะเป็นที่ตั้งของประภาคารชายฝั่งซึ่งเราตั้งใจต้องแต่อยู่เมืองไทยแล้วว่าต้องมาให้ได้  และยิ่งขับรถเข้าใกล้ประภาคารเท่าไหร่ ธรรมชาติมันก็ยิ่งสวยงามขึ้นตามลำดับครับ ลองไปดูกัน

Tudorcolor XLX 200

 

และในที่สุดก็มาจนถึงที่หมายสุดของแผ่นดินครับ  เดินไปสู่ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เย่ๆๆใกล้แล้ววววว  เดินไปถึงหน้าประตูมีป้ายแผ่นนึงเขียน เวลาในการเปิดปิดสถานที่  ซึ่งวันนี้เค้า "ปิด"  เฮ้ยยยยยยเดี๋ยวอุตส่าห์ขับรถมาไกลมากทำงี้ได้ไง  

สิ่งที่ทำได้คงเป็นการแก้เขินถ่ายรูปประภาคารจากระยะไกลก็ได้วะ 

Tudorcolor XLX 200

จากนั้นก็ถ่ายรูปเล่นที่ด้านบนไปเรื่อยๆครับ วิวแบบสบายใจมาก แต่อยากให้ฟ้าเปิดกว่านี้ซักหน่อยจะดีมากเลย

Tudorcolor XLX 200

ที่ตั้งอยู่ตรงนี้จ้า
 

 จากนั้นก็คิดว่าควรจะกลับกันได้แล้วเพราะว่ามาไกลมาก  ก็ขับรถกลับทางเดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ  แต่ก็แอบคิดว่าน่าจะมีทางลงไปที่หาดได้บ้างก็คงจะดี  
แล้วก็เจอจริงๆด้วย

Tudorcolor XLX 200

 

Kodak Colorplus 200

 ทะเลบ้านเค้านี่แรงเอาการครับ ตอนไปยืนอยู่บนหาดทรายแล้วอยู่นิ่งๆฟังเสียงคลื่นยักษ์สาดเข้ามาสู่ฝั่งรู้สึกได้เลยว่าพลังอันมหาศาลแบบนี้ทำให้มนุษย์เราตะหนักว่าเราตัวเล็กนิดเดียวจริงๆ

 



จากนั้นก็ได้เวลาขับรถกลับที่พักแล้วจริงๆ  จากภูเขาและท้องทะเลมุ่งสู่เมืองกันอีกครั้ง

แต่ก็ไม่วายนั่งดูแผนที่แล้ว  แหม่ขากลับมันยังสามารถแวะที่เที่ยวได้อีกจุดนี่นา ไหนๆจะผ่านแล้วก็เอาวะไปเลยแล้วกัน

GOLDEN GATE BRIDGE
สะพาน โกลเดนเกต ถือว่าเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวหลายๆคนที่มาเที่ยวซานฟราน  ไม่เว้นแม้แต่คนรีบกลับบ้านอย่างพวกเราครับ

Kodak Colorplus 200

Tudorcolor XLX 200

จัดไปทั้งกล้องใหญ่กล้องเล็ก มีเท่าไหร่ตอนนั้นกดแหลกครับเพราะวิวสวยมาก

Kodak Colorplus 200


Tudorcolor XLX 200

จุดที่เราสามารถลงไปถ่ายรูปได้ตรงนี้  เรียกว่า Battery Spencer ครับ



เข้าสู่เช้าวันใหม่ในที่พักของเราเมื่อคืนในเมือง Richmond
อ่ะถ่ายรูปบ้านป้า มาวก้า หน่อย

Kodak Portra 400

ในวันนี้เรามีแผนเดินทางไป สถานที่แห่งนึงครับเค้าบอกมาว่าดีเลยต้องลองไปโดน

PIER 39
อธิบายแบบเร็วๆ Pier 39 คือตลาดนัดริมท่าเรือที่ 39 ครับ  ส่วนการเดินทางในวันนี้เราใช้วิธีจอดรถไว้แถวๆร้านกาแฟที่ Blue Bottle ที่ไปมาวันก่อน แล้วเดินเท้าไปท่าเรือกันครับ

Kodak Pro Image 100

จะบอกว่าเดินไปถ่ายรูปไปนี่มันสนุกมากเลยนะครับในสถานที่ที่เราไม่เคยมา  แต่  มาเดินถ่ายรูปที่ซานฟรานมันก็จะเหนื่อยๆหน่อยเพราะถนนมันชันมาก  เดินไปเดินมานี่ปวดขาเอาได้ง่ายๆนะครับ  ก็เลยตัดสินใจกันว่า  เรามาลองขึ้นรถเมล์กันดูดีกว่า

จำได้ว่าตอนนั้นไปโหลดแอพอะไรมาซักอย่างแล้วก็เติมเงินจากนั้นถึงจะขึ้นได้ ซึ่งนั่นช่วยให้พวกเราเดินทางกันได้เร็วขึ้นมากๆ ซึ่งดูระยะทางแล้วก็ร่นการเดินเท้าไปได้หลายกิโลอยู่

Kodak Pro Image 100

Pier 39 มีท่าเรือเป็นองค์ประกอบหลัก ก็มีเรือมากมายมาจอดกันเพียบ โดยมีเจ้าถิ่น นกสกัว คอยเก็บค่าคุ้มครอง

Kodak Pro Image 100

ส่วนของตลาด ร้านค้าต่างๆก็บานตะไทเลยครับ ส่วนใหญ่เป็นของกิน  จะมีแจมๆก็จะเป็ยกิจกรรมพวกโชว์การแสดงต่างๆ    อ้าวนั่นเดินอยู่ดีดีโดนเรียกไปเล่นเกมโชว์ซะงั้น

Kodak Pro Image 100

 

มองข้ามไปเป็นเกาะที่ได้ยินชื่อมานาน เกาะ อัลคาทราซ  ที่ใช้เป็นสถานที่แสดงหนังเรื่อง The Rock เป็นเรือนจำกลางอ่าว โดดเดี่ยวแต่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองเลย ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว

Kodak Pro Image 100

ไฮไลท์อีกอย่างของการมาเที่ยวที่นี่คือ มาดู อุ๋งๆ

Kodak Pro Image 100

 เดินเล่นที่ Pier 39 จนเพลียกันเลยทีเดียว

Agfa Vista plus 400


นกที่หายากๆที่บ้านเรา กลับหาเจอง่ายๆที่นี่

Agfa Vista plus 400

 

ได้เวลากลับกันแล้ว หารถเมล์ก่อน

Agfa Vista plus 400

ตำแหน่ง อยู่ตรงนี้จ้า
 



ตอนแรกเหนื่อยๆกะว่าจะกลับที่พักเลยแต่มานึกๆดูวันนี้จะได้เที่ยวเมกาเป็นวันสุดท้ายละแล้วก็ยังไม่หมดวันด้วย  เอาน่าต่อกันอีกซักหน่อย  เลยนั่งรถเมล์ไปลงสะพาน Golden Gate อีกรอบ แต่คราวนี้ลองไปอีกฝั่งนึงบ้าง

Agfa Vista plus 200

ฝั่งนี้คนจะเยอะๆหน่อยเพราะเป็นจุดต่อรถและมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย  ตรงนี้เรียกว่า Golden Gate Bridge Vista Point ครับ



จากนั้นก็เดินๆๆๆ กลับไปที่จอดรถไว้ตอนเช้า เพราะบัตรขึ้นรถเมล์หมดเวลาซะแล้ว

Agfa Vista plus 200

 

พอกลับถึงรถก็ยังรู้สึกว่า เฮ้ยไปต่อไหม ได้อีกนะก็จัดไปอีก 1 ที่ครับ

LANDS END LABYRINTH

มันเป็นสถานที่ประหลาดๆอยู่ทางด้านซ้ายของสะพาน Golden Gate ครับ

Agfa Vista plus 200

ทางเข้าต้องเดินผ่านป่าสนและสนามกอลฟ์ลงไปที่ชายหาดครับ

Agfa Vista plus 200

 

พอถึงชายหาด จะมีเนินเขาเล็กๆลูกนึง เมื่อกี้เดินลงคราวนี้เดินขึ้น และนี้คือมุมมองบนเนินนั้นครับ
Agfa Vista plus 200

ด้านล่างเนินเขาลูกนี้จะมีลานดินลานนึง มีหินเรียงเป็นวงกลม ทำเป็นเขาวงกต  ตอนที่เดินมาเจอตอนนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่ตรงนั้นเลย  มีความรู้สึกสยองเล็กๆครับ แต่ก็สวยงามจนต้องถ่ายรูป

 

บนเนินและลานนั้นมันสวยและลมแรงจริงๆครับ  เราอยู่กันจนเริ่มมืดลงก็รู้สึกว่า "คุ้มค่า" มากแล้ว  ได้เวลากลับที่พักจริงๆเสียที

เช้าวันรุ่งขึ้น เราบอกลาเจ้าของบ้าน และแมวจอมซนของเธอ เราสองคนขับรถฝ่ารถติดไปที่สนามบินซานฟราน เพื่อรีบไปคืนรถเช่าที่นั้น  ซึ่งก็หวุดหวิดจะเสียค่าปรับแบบเส้นยาแดงตึงๆ

เครื่องบินที่ซานฟรานพาเราที่ตอนนี้มีแต่ความคิดถึงบ้านคิดถึงเมืองไทยอยู่เต็มกระเป๋า  บินลัดฟ้าเดินทางข้ามเส้นเวลาที่เร็วขึ้นเรื่อยๆเหมือนเราเป็นมนุษย์ที่มาจากอดีต  เรามาลงที่สนามบินในฮ่องกงเพื่อต่อเครื่อง และอดทนรอเครื่องขึ้นอีกทีในหลายชั่วโมงถัดไป

และสุดท้ายหลังจากที่ร่างกายไม่รับรู้เวลาอีกต่อไป เราสิงคนก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิราวๆเที่ยงคืน และรีบไปรับกระเป๋า รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนแท็กซี่แล้ว  บรรยากาศเดิมๆ อากาศเดิมๆ และอาหารไทยเดิมๆที่แสนคิดถึง  ยังไม่รวมรถติดแบบเดิมๆที่จะต้องเจอในวันรุ่งขึ้นด้วย

หมอนที่เมืองไทยในห้องนอนที่บ้าน พยายามจะพาผมเข้าสู่โลกแห่งความฝันต่อ  แต่ใจมันไม่ยอมหลับ  อาจจะเพราะว่าผิดเวลาอย่างแรง หรือจะด้วยตื่นเต้นก็ไม่รู้  

มันตื่นเต้นที่วันรุ่งขึ้นผมจะพาฟิล์มที่บรรจุเรื่องราวของการเดินทางไปเมกาครั้งแรกในชีวิต ไปล้างซะที นับรวมได้ 14 ม้วน ซึ่งค่าล้างก็คงจะมีหนาวแน่นอน แต่ไม่เป็นไรเพราะมันคุ้มค่ามากแล้วกับการถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มในสถานที่ที่ไม่เคยไป

วันนี้ผมได้เขียนบันทึกการเดินทางจบลงแล้วครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต ฟิล์มจะพาผมไปหาสถานที่ดีๆอีกซักครั้ง

ถ่ายรูปกันต่อไปนะครับพวกเรา
สวัสดี ประเทศไทย  บ๊ายบาย เมกา

ขอบคุณที่ตามอ่านครับ
โน้ต อะฟิล์ม

Camera : Nikon FM2 + Lomo LC-Wide
Film : Kodak Portra 160, Kodak Portra 400, Tudorcolor xlx 200, Kodak Proimage 100, Kodak Colorplus 200, Agfa Vista plus 400
Lab : LERT's , LUCK





Leave a comment